วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ต้มส้มปลาคังใบมะขามอ่อน





                               ปลาคังหรือปลากดคัง มักนิยมนำมาแล่เอาแต่เนื้อมาทำลวกจิ้ม หรือยำ แต่พอดีไปเจอยอดมะขามอ่อน ๆ สดน่าทาน เลยซื้อมาทำเป็นเมนูต้มส้ม

เครื่องปรุง

1.เนื้อปลาคังแล่หั่นชิ้นพอคำ  1/2  กก.

2.ใบมะขามอ่อนล้างสะอาด
3.ตะไคร้   พริกขี้หนูป่น ผักชีฝรั่ง 
4.หอมแดงบุบ 4 หัว
5.น้ำปลาดี เกลือป่น น้ำตาลปี๊บ
6.น้ำเปล่า
7.เม็ดเก๋ากี้ 1 ชช ล้างสะอาด (จะไม่ใส่ก็ได้ แต่บำรุงสายตาดีนะ)
8.เห็ดนางฟ้า

วิธีทำ


1.ล้างปลากับเกลือป่น 1 น้ำเพื่อให้หายคาว
2.ตั้งน้ำให้เดือด ใส่หอมแดง ตะไคร้ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา พริกป่น
3.ใส่เนื้อปลาคัง ใบมะขามอ่อน เห็ด ผักชีฝรั่ง เม็ดเก๋ากี้ รอจนเดือด ห้ามคนเด็ดขาด 
4.ชิมรสจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็มหวานนิดหน่อย ปิดไฟ ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ

Tips  หากยังไม่เปรี้ยวพอใจ ใส่น้ำมะขามเปียกเพิ่มได้


        

  


วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Jung Yi, The Goddess of Fire







                               เคยหลงใหลติดตามวัฒนธรรมอาหารการกินของเกาหลีกันมาจาก Series เรื่องดังในอดีต คราวนี้เกาหลีก็ทำให้เราต้องติดงอมแงมกับกรรมวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาจากราชสำนักผ่านการเล่าเรื่องจาก  Series ย้อนยุคใหม่ล่าสุด Jung Yi, The Goddess of Fire

                               สถานี MBC เกาหลี นำเสนอ Series 32 ตอนจบ เรื่องราวของหญิงสาวจอมแกร่ง นาม Yoo Jung , Jung Yi  (แสดงโดย Moon Geun Young) ที่สามารถนำพาตนเองให้ก้าวขึ้นเป็นสุดยอดช่างปั้นเครื่องกระเบื้องหญิงคนแรกของราชวงค์โชซอนในสมัยศตวรรตที่ 16  ลบคำสบประมาทของคนที่เธอไม่รู้เลยว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด คนที่เธอแสนเกลียดที่ใส่ร้ายพ่อที่เลี้ยงดูเธอมา พ่อที่เป็นช่างปั้นฝีมือดีที่สุดที่พยายามถ่ายทอดวิชาและทำให้เธอมีความมุ่งมั่น



                                 
                                  Yoo Jung พบกับเจ้าชาย Gwang Hae (Lee Sang Yoon)โดยบังเอิญตั้งแต่สมัยยังเด็ก และกลายเป็นความรักความผูกพันในใจ โดยมีชายหนุ่มแสนดี Kim Tae Do ( Kim Bum) ที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอและรักเธอมาก เหมือนจะเป็นรักสามเส้าอีกเช่นเคย ต้องมีพระรองผู้น่าสงสาร

                                  ใครเป็นแฟน Kim Bum , Moon Geun Young คอยติดตามชมได้ทุกวันจันทร์-อังคาร เริ่มฉายมาตั้งแต่ต้นเดือน กค. ผ่านมาแล้ว 6 ตอน ยังพอจะตามกันทัน ห้ามพลาด

                    

         

(ขอบคุณภาพจาก imbc.com , kodhit.com)

                        

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลากระพงลวกจิ้ม







                               เมนูเย็นนี้สำหรับคนไม่อยากอ้วน ต้องนี่เลย ปลากระพงลวกจิ้ม

เครื่องปรุง

1.เนื้อปลากระพงแล่ หรือจะใช้ปลาชนิดอื่นก็ได้ หั่นชิ้นพอคำ
2.ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 3 ต้น
3.ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
4.ขิงซอย
5.กระเทียมเจียว
6.คึ่นช่ายล้างสะอาด หั่นท่อนสั้น ๆ จะลวกหรือทานสดก็ได้ตามชอบ
7.น้ำมันงา 2 ชต
8.ซีอิ๊วขาว 1 ชต
9.น้ำจิ้มซีฟู้ด, น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว(ตำขิงแก่กับกระเทียม พริกขี้หนู เต้าเจี้ยวพอแหลก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย มะนาว ซีอิ๊วขาว)

วิธีทำ

1.ต้มน้ำ ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ขิงซอยลงไป พอเดือด นำเนื้อปลาลงไปลวกพอสุก ห้ามคนเด็ดขาด
2.ตักชิ้นเนื้อปลาขึ้น คลุกเคล้ากับน้ำมันงาและซีอิ๊วขาวอย่างเบามือ
3.วางผักคึ่นช่ายรองก้นจาน ตักปลาลวกใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

                 

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สเต็กปลาลุยสวน






                              ร้าน fastfood ดังที่มีสาขามากมาย มีเมนูสเต็กปลาลุยสวน ทานกี่ครั้ง ๆ ก็อร่อยถูกปาก จานละเกือบร้อยบาท ทำเองดูบ้างไม่ยากอย่างที่คิด

เครื่องปรุง

1.เนื้อปลาแล่ เช่นปลากระพง ปลาดอร์ลี่ ล้างสะอาดหมักเกลือป่นนิดหน่อยพักไว้
2.หอมแดงซอย ตะไคร้ซอย ใบมะกรูดหั่นฝอย พริกขี้หนูซอย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี น้ำมะนาว ผสมทุกอย่างรวมกัน
3.ผักสลัดเช่น กะหล่ำปลีซอย แครอทซอย
4.น้ำสลัดที่ชื่นชอบ
5.ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่งหั่นฝอย
6.แป้งทอดกรอบ หรือเกล็ดขนมปังป่นตามชอบ

วิธีทำ

1.ชุบปลากับเกล็ดขนมปังป่น หรือแป้งทอดกรอบ ทอดในน้ำมันร้อนจัดจนเหลืองสวย ตักขึ้นใส่จานพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2.วางปลาในจานข้างใดข้างหนึ่ง ใส่ผักสลัดเป็นเครื่องเคียง ราดด้วยน้ำสลัด
3.เวลาจะทาน ราดน้ำราดที่ผสมไว้(ข้อ 2 ) บนปลาทอด โรยด้วยผักชีฝรั่งและสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ



วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หมูสามชั้นต้มสับปะรด







                             เมนูเย็นนี้เป็นอาหารเก่าแก่โบราณกาลมาก มีสับปะรดเป็นส่วนประกอบ ทำแล้วพูดไม่ได้ว่าไม่เป็นสับปะรด และเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งเพราะเป็นสับปะรดที่ปลูกเองในบ้าน

เครื่องปรุง

1.สับปะรดหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ลูก
2.หมูสามชั้นหั่นบาง 1  เส้น หมักซีอิ๊วขาวไว้ 30 นาที
3.รากผักชี 1 ต้น กระเทียม 5 กลีบ พริกไทย 10 เม็ด โขลกรวมกัน 
4.น้ำตาลปี๊บ 1 ชช
5.ซีอิ๊วขาว
6.ผักชีโรยหน้า

วิธีทำ

1.ต้มน้ำให้เดือด ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงไป ตามด้วยหมูสามชั้น เคี่ยวไฟปานกลางจนหมูนุ่ม
2.ใส่สับปะรด เคี่ยวไฟอ่อนจนเริ่มเปื่อย
3.ชิมรสก่อนจะปรุงให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน หากไม่ได้ที่ค่อยเติมน้ำตาล ซีอิ๊วขาว
4.พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ 


Tips จะให้อร่อยและเข้าถึงเนื้อใน ทำเสร็จอย่าทานทันที ให้ทำเช้ากินตอนเย็นจะอร่อยกว่า
         บางคนจะใส่กุ้งแห้ง กะปิเพิ่มตอนโขลกเครื่องปรุงก็ได้ แต่อย่าใส่มาก นิดหน่อยพอ


โจ๊กไข่เยี่ยวม้า






                  ยังไม่เคยลองทำเมนูที่มีไข่เยี่ยวม้าเป็นส่วนประกอบ ไปเจอโจ๊กฮ่องกงใส่ไข่เยี่ยวม้า ก็ต้องมาลองทำเองอีกตามเคย สำหรับมื้อเช้าวันนี้

เครื่องปรุง (สำหรับ 4 ที่)

ไข่เยี่ยวม้า 2 ฟอง ผ่าครึ่ง
ปลายข้าวหอมมะลิ หรือใช้ข้าวดอยก็อร่อย 4 ขีด ล้างสะอาดแช่น้ำใส่เกลือป่นนิดหน่อย แช่ทิ้งไว้ 2 ชม.
ซี่โครงอ่อนหมูสับเป็นท่อน 1 ถ้วย
รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำเม็ด
แปะก๊วยสุก 12 เม็ด
กังป๋วย(เอ็นหอย) 5 เม็ด แช่น้ำอุ่นจนนิ่ม
ฟองเต้าหู้ 3 แผ่น แช่น้ำจนนิ่ม หั่นท่อนสั้น ๆ
เห็ดหอมซอย 4 ดอกใหญ่
เกลือป่น น้ำมันพืช  น้ำสะอาด
ต้นหอมผักชีซอย ขิงซอย กระเทียมเจียว ตังไช่
ซีอิ๊วขาว

วิธีทำ

1.ต้มน้ำซุปซี่โครงอ่อนหมู โดยใส่รากผักชี กระเทียมบุบ พริกไทยดำปุบพอแตก เกลือป่น ซีอิ๊วขาว กังป๋วย   เคี่ยวไฟอ่อนจนเปื่อยดี หมั่นช้อนฟองทิ้ง
2.นำปลายข้าวที่แช่ไว้ รินน้ำออกให้หมด คลุกน้ำมันพืช 1 ชต ใส่ลงในหม้อน้ำซุปซี่โครงหมู
3.เคี่ยวไฟอ่อน หมั่นคนเบา ๆ จนข้าวเริ่มสุกแตกบาน  ใส่ไข่เยี่ยวม้า แปะก๊วย เห็ดหอม ฟองเต้าหู้ หรี่ไฟอ่อนสุด
4.ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยขิงซอย ต้นหอมผักชี ตังไช่ พริกไทยป่น พร้อมเสิร์ฟร้อน ๆ

Tips ไข่เยี่ยวม้าคือไข่ที่นำไปแช่หรือหมักในส่วนผสมของ ปูนขาว, เกลือ, โซเดียมคาร์บอเนต, ใบชาดำ, สังกะสีออกไซด์ และ น้ำ ใช้เวลาในการหมักประมาณ 10-15 วัน จึงนำมาประกอบเป็นอาหารได้ และยังเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน 


วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เห็ดหอมดองซีอิ๊วญี่ปุ่น







                                    เมนูนี้มีผลจากการไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไปพบบนโต๊ะอาหาร และร้านจำหน่ายขนมต่าง ๆ และของที่ระลึกกลับบ้าน ลองแล้วอร่อยมาก ๆ ทานกับข้าวต้มเป็นมื้อเช้า หรือเก็บไว้ทานได้นาน ๆ เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง

เครื่องปรุง

1.เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่ม ล้างสะอาด ซอยบาง ๆ
2.ซีอิ๊วญี่ปุ่น
3.น้ำตาลทราย
4.เกลือป่น
5.พริกขี้หนูซอย
6.น้ำสะอาด
7.น้ำส้มสายชู

วิธีทำ

1.ลวกเห็ดในน้ำเดือด 1 นาที ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
2.ใส่น้ำสะอาด 1 ถ้วย ซีอิ๊วญี่ปุ่น 2 ชต. น้ำตาลทราย 1 ชต เกลือป่นนิดหน่อย น้ำส้มสายชู 1/2 ชต และพริกขี้หนูซอย  เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ประมาณ 10 นาที ชิมรสจัด หวาน เค็ม เผ็ด เปรี้ยว ปิดไฟพักให้เย็นลง
3.จัดเรียงเห็ดหอมใส่ขวดแก้ว หรือภาชนะที่มีฝาปิด แล้วเทน้ำซีอิ๊วที่ปรุงไว้ให้ท่วมเห็ด ปิดฝา เก็บใส่ตู้เย็นแช่ไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็สามารถนำมาทานได้แล้ว






วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Last Cinderella







                                 ความจริง Series ญี่ปุ่นเรื่องนี้ออกฉายมาตั้งแต่เดือนเมษายนและจบลงไปเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ดู เนื่องจากเขียนเรื่อง Cinderella แล้วไป search เจอเรื่องนี้เข้า ทำให้ดูจนจบและอยากแนะนำ

                                 Series ขนาดความยาว 11 ตอนจบของญี่ปุ่นเรื่องนี้ plot เรื่องเริ่มจากสาวโสดวัยเฉียด 40 นางเอกของเรื่อง Sakura (Ryoko Shinohara) ทำงานในร้านเสริมสวยแต่ไม่เคยดูแลความสวยงามของตัวเองเอาเสียเลย เธอโหยหาความรักแต่ก็กลัวในเรื่องรัก จนวันหนึ่งในงานปาร์ตี้เธอพานพบหนุ่มหล่อ Hiroto (Haruma Miura) นักแข่งจักรยานผาดโผนที่อายุน้อยกว่าเธอกว่า 10 ปี เขาคือเจ้าชายที่เก็บรองเท้าของนางซินและนำมาสวมคืนให้กับเธอ ศรรักจึงปักอกเข้าแล้ว

                                 แต่เรื่องก็ผูกให้ต้องมีรักสามเส้า เมื่อ Rintaro (Naohito Fujiki) ผู้จัดการร้านทำผมที่ Sakura ทำงานอยู่ ก็แอบชอบเธอและดีต่อเธออย่างมาก  คนหนึ่งก็รูปหล่อน่ารัก อีกคนก็แสนดี Sakura จะเลือกใครในตอนจบ (ใครที่ดูแล้วคงทราบ)

    
                                    ไปหาดูย้อนหลังกัน จะได้รู้ว่าหนุ่มหรือแก่ที่จะสามารถพิชิตใจสาวได้


  (ขอบคุณภาพจาก AsianWiki)

                                    

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ยำส้มโออกไก่





                    ไก่ย่างเจ้าดังขายอกไก่อบชานอ้อย นำมาดัดแปลงยำกับส้มโอ เพิ่มผักสมุนไพรซะหน่อย

เครื่องปรุง

อกไก่อบชานอ้อยหั่นสไลด์ 1 แท่ง (หรือจะย่างเองก็ซื้ออกไก่ดิบมาทำ)
ส้มโอแกะเป็นกลีบ ๆ แยกเป็นชิ้นพอคำ 2 - 3 กลีบ
ต้นหอมซอย ใบสะระแหน่  น้ำปลาดี น้ำมะนาว พริกขี้หนูซอย 
มายองเนส

วิธีทำ

ผสมทุกอย่างรวมกัน คลุกเคล้าเบา ๆ ชิมรสตามชอบ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ