วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

3 วัน 2 คืนที่ Captain Hook Resort เกาะกูด









                       แทบจะเรียกว่านับครั้งได้กับการเที่ยวเกาะแก่งต่าง ๆ เนื่องจากตัวเองไม่ค่อยชอบนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะนาน ๆ มันให้ความรู้สึกหวิว ๆ วังเวงที่มองเห็นรอบด้านมีแต่น้ำกับฟ้า แต่มาคิดดูเวลาท่องเที่ยวของคนเรานับวันจะเหลือน้อยลงตามอายุ จึงจัดไปกับที่นี่ เกาะกูด จังหวัดตราด

                        จัดการค้นหา Package จนมาได้ของ Captain Hook Resort กับเวลา 3 วัน 2 คืนพร้อมอาหารทุกมื้อ กิจกรรมต่าง ๆ และเรือโดยสารรับส่ง พร้อมรีวิวจากหลายสำนัก 


วันแรกของการเดินทาง

                         เนื่องจากไม่ใช่ High Season เรือข้ามฟากจึงมีวันละ 1 เท่ียว คือ เท่ียงตรง ดังนั้นเราจึงต้องรีบออกเดินทางแต่เช้ามาก คือก่อน 6 โมงเช้า จากกรุงเทพไปยังจังหวัดตราด เมื่อถึงโรงพยาบาลตราดให้เลี้ยวไปยังท่าเรือแหลมศอก เพื่อต่อเรือเฟอรี่บุญศิริไปยังท่าเรืออ่าวสลัด เกาะกูด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง (นี่ละเหตุผลที่ไม่ชอบไปเที่ยวเกาะ ยาวนานมาก)

                          หลังจากขึ้นจากเรือ ก็ต้องต่อรถที่ทางรีสอร์ทมาบริการรับไปยังที่พักอีกประมาณ 20 นาที ยังไม่ถึงนะคะ เพราะช่วงที่ไปถึงน้ำทะเลไม่อำนวย ต้องต่อเรือเล็กไปยังท่าหน้ารีสอร์ทอีก 5 นาที ก็ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติเกาะกูดกันแล้ว ไม่ผิดหวังจริง ๆ 














                        ข้อดีของการท่องเที่ยวในวันธรรมดา คือ มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ๆ ที่นี่เงียบสงบ ร่มรื่น เหมือนหลุดจากโลกที่วุ่นวายมาชาร์จแบตให้กับร่างกาย พนักงานก็แทบจะแย่งกันเอาใจใส่ดูแลแขกที่มาพักอย่างดี อาหารทุกมื้อ ไม่ต่ำกว่า 4 มื้อต่อวัน ไม่ขาดตกบกพร่องสมคำร่ำลือจริง ๆ 








                          3 วัน 2 คืนที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายอย่าง ทั้งพายเรือคายัค ดูไฟหิ่งห้อย เที่ยวน้ำตก ชมการควงกระบองไฟ เล่นน้ำทะเล นั่งนอนเล่นอ่านหนังสือ รวมทั้งกิจกรรมกิน ๆ ๆ อิ่มอร่อยจนพุงกางกันเลย




                         แม้จะเกลียดการนั่งเรือนาน ๆ ข้ามเกาะ แต่ที่นี่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าอยากกลับไปอีกและอีก


วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนาวเหน็บติดลบที่ฮอกไกโด ตอนจบ







                เที่ยวหุบเขานรก Jikogudani ที่ Noboribetsu

                                  Noboribetsu  เป็นสถานที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นและเกาะฮอกไกโด เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง แต่ที่ยอมรับกันว่าสวยงามที่สุด คือ บ่อน้ำพุร้อน Jikogudani หรือเรียกอีกชื่อคือ  Hell Valley



         

                                Jikogudani เป็นชื่อของภูเขาไฟ ที่ปล่อยกำมะถันออกมา เกิดเป็นธารน้ำร้อนและไอน้ำร้อนเดือดคุกรุ่นอยู่ทั่วไปภายในบริเวณหุบเขา  น้ำร้อนนี้ได้ไหลไปทั่วเมือง Noboribetsu  ทำให้เกิดไอเดียทำสถานที่ Onsen ไปทั่วเมืองเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างถิ่น





                                 เนื่องจากช่วงที่เดินทางไปเป็นฤดูหนาว หิมะตกขาวโพลนไปทั่ว จึงเห็นวิวขาวสลับส้มของดินบริเวณธารน้ำร้อน  หากมาช่วงเดือนตุลาคม คงจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามกว่านี้

                                 จากภาพหากเดินลงไปตามสะพานไม้ไปเรื่อย ๆ จนสุดทาง จะพบตัวบ่อกำมะถันร้อนเดือดขนาดประมาณ 50 ํ - 80 ํ C กลิ่นฉุนของกำมะถันลอยขึ้นมา ต้องหาผ้าปิดจมูกและปาก หากพลาดพลั้งตกลงไปบอกไม่ถูกว่าจะเป็นยังไงเลยทีเดียว

                                ปิดท้าย Trip โดยการขึ้นกระเช้า Usuzan Ropeway ไปชมวิวทิวทัศน์อันหนาวเหน็บบนยอดภูเขาไฟโชวะ ซึ่งจะมีการปะทุขึ้นทุก ๆ 20 - 50 ปี ล่าสุดปะทุในปี คศ.2000 รัฐบาลญี่ปุ่นจัดให้สถานที่นี้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติ  ค่าขึ้นลงกระเช้าคนละประมาณ 1,500 เยน เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 น.





                               นักท่องเที่ยวเกือบ 100 คนในกระเช้า นั่งบ้างยืนบ้างไป 6 นาทีก็ถึงสถานียอดเขา จะมีบริการให้ยืมเสื้อคลุมกันหนาว(มากกก) เพื่อออกไปลุยหิมะชมวิวแบบพาโนรามาภายนอก ทั้งหนาวทั้งลมแรงทั้งต้องระวังลื่นล้มขณะเดินต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง

                                จบทริปฮอกไกโดด้วยการแช่ออนเซ็นร้อน ๆ คลายหนาว กับปูอลาสกาขาใหญ่ยักษ์เต็มอิ่ม กว่ารีวิวสุดท้ายเขียนเสร็จ  ก็ย่างเข้าหน้าหนาวอีกครั้งพอดี




(แนะนำให้เที่ยวในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะได้ภาพสวยงามมีสีสันกว่านี้มากค่ะ)








วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนาวเหน็บติดลบที่ฮอกไกโด ตอน 4






                          เที่ยวหมู่บ้านไอนุ  Ainu Village

                                  ไอนุ บรรพบุรุษดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น เป็นชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโด หมู่บ้านนี้ถูกสร้างจำลองขึ้นมาเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ระลึกถึงเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของชนชาติญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมือง Shiraoi ริมทะเลสาป Poroto ที่จะกลายเป็นน้ำแข็งในทุกฤดูหนาว 





                                 ภายในหมู่บ้านจะจัดอาคารพิพิธภัณฑ์แสดงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ เสื้อผ้านุ่งห่ม เครื่องมือ เครื่องใช้ของชาวไอนุ การเก็บปลาแซลมอนตากแห้งไว้เป็นเสบียงอาหารในยามขาดแคลน  และมีการจัดแสดงโชว์ร้องรำของชาวไอนุ


รูปปั้นเทพเจ้าประจำเผ่าหน้าทางเข้าหมู่บ้าน




รูปปั้นหมียักษ์สัญญลักษณ์ประจำหมู่บ้าน

                        ที่นี่เปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 8.45 - 17.00 น.ทุกวัน (ปิดเข้าชมวันที่ 29 ธค. - 5 มค.) ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 750 เยน เมื่อผ่านประตูทางเข้ามาแล้วจะพบกรงหมีสีน้ำตาล ที่เลี้ยงไว้หลายกรง เป็นสัตว์หายากและชนเผ่าไอนุให้ความนับถือ





                         












ปลาแซลมอนตากแห้งแขวนไว้เยอะมาก แสดงความอุดมสมบูรณ์


ชาวบ้านไอนุชายหญิงเต้นรำโชว์นักท่องเที่ยว

                                ออกจากหมู่บ้านไอนุไปต่อกันที่ Noboribetsu  เมืองบ่อน้ำพุร้อนค่ะ





วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนาวเหน็บติดลบที่ฮอกไกโด ตอน 3






   Otaru  , Music Box Museum 

                            Otaru เป็นเมืองท่าเรือขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโด ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ มีคลองโอตารุที่สวยงาม สองฟากฝั่งเป็นอาคารบ้านเรือนแบบโกดังเก่า ในอดีตคลองนี้ใช้เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าของเรือขนาดเล็ก ปัจจุบันการคมนาคมทันสมัย คลองนี้จึงปรับโฉมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปี คศ.1980 โกดังสินค้ากลายเป็นร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ ร้านค้าต่าง ๆ กลางคืนประดับโคมไฟสวยงามตลอดสองฝั่งคลอง



ปริมาณนักท่องเที่ยวที่มาชมคลองโอตารุ






บริการรถลากชมวิว


                            เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องกล่องดนตรี จนก่อสร้างพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีขึ้นในปี คศ.1910 เก็บรวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายประเภทมากมายตั้งแต่ในอดีตจนถึงแบบที่ทันสมัยในปัจจุบัน  Museum ตั้งอยู่ริมถนน Sakaimachi  เปิดให้ชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น.


                            จากคลองโอตารุ เราสามารถเดินเท้าเลียบคลองและข้ามถนนมายังถนน Sakaimachi ไปยัง Museum  ได้ไม่ไกลนัก



                            ด้านหน้าตึกจะมีหอนาฬิกาไอน้ำ เป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ เมื่อครบชั่วโมงจะพ่นไอน้ำขึ้นมาทางปล่องด้านบน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว





                           สุดท้ายนักท่องเที่ยวก็ต้องควักกระเป๋าซื้อกล่องดนตรีเพราะ ๆ สวยงามหลากหลายแบบติดมือกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกกันคนละหลาย ๆ ชิ้น 



วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนาวเหน็บติดลบที่ฮอกไกโด ตอน 2








                 ไปเที่ยวฮอกไกโด ถ้าไม่ได้เข้าชมโรงงานช็อคโกแลตอิชิยะ ถือว่าไปไม่ถึง

                              Shiroi Koibito Park by Ishiya เป็นโรงงานผลิตช็อคโกแลตยี่ห้อดังของเมือง Sapporo รวมทั้งยังเป็นสวนสนุกให้เด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่ได้ไปเห็นต้องชื่นชอบเอามาก ๆ  Shiroi Koibito แปลว่า คนรักสีขาว เป็นที่มาของขนม White Chocolate นิยมซื้อฝากคนที่เรารัก 

                             การเข้าชมต้องซื้อบัตรผ่านประตู ราคา 600 เยน และเข้าแถวตามลำดับเดินไปตามเส้นทางการเดินชมที่จัดไว้ให้ ผ่านจุดน่าสนใจมากมาย เรื่องราวความเป็นมาของช็อคโกแลตที่มีมานาน  กระบวนการผลิตขนมที่เปิดให้ชมผ่านห้องกระจก และยังสามารถลองทำขนมด้วยฝีมือของเราเองได้อีกด้วย







Sapporo Mechanical Clock Tower  สัญญลักษณ์ของโรงงาน



น้ำพุ Aurora  ตรงทางขึ้นชั้นสองเป็นจุดให้ถ่ายภาพ



กระบวนการผลิตคุ้กกี้สอดใส้ White Chocolate ที่ชั้น 3










                   


                         เดินชมครบรอบทุกคนก็มาจบกันที่ขนมหวาน เครื่องดื่ม และของที่ระลึก ที่นิยมที่สุดไม่พ้นขนมคุ้กกี้สอดใส้ White Chocolate ถ้ายังไม่อยากหอบหิ้วให้ลำบาก รอไปซื้อที่สนามบินก็ยังได้อีก

                          โรงงานช็อคโกแลต Shiroi Koibito เปิดให้เข้าขมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น.



credit pic. from wikipedia



credit pic.from shiokjapan



วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

หนาวเหน็บติดลบที่ฮอกไกโด ตอน 1









                          ปีนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากไปครั้งก่อนเมื่อปี 2013
เมื่อญี่ปุ่นให้โอกาสคนไทยเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า เหล่าคนไทยก็หลั่งไหลไปเที่ยวกันมากมาย และไม่มีอะไร hot ไปกว่าเที่ยวเมือง Hokkaido 

                          ฉันเลือกโปรแกรมทัวร์หลายแห่งอย่างลำบากยากเย็น เนื่องจากต้องให้ตรงใจของเรา และตรงกับวันเวลาที่เรากำหนดคือได้เห็นหิมะขาว ๆ จึงได้ไปตอนเดือน กพ.ท่ีผ่านมา (คงไม่นานเกินไปที่จะเล่าเรื่อง) 

           วันแรกของการเดินทาง

                         ก่อนเที่ยงคืนของวันแรกที่เดินทาง การบินไทยก็บินพาเราไปยังสนามบิน Chitose บนเกาะฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม.เวลาที่นี่เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชม.

                         เกาะฮอกไกโดอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศ ติดกับรัสเซีย อากาศจึงหนาวเย็นมาก เป็นเกาะใหญ่อันดับสองของประเทศ มีเมืองหลวงคือ Sapporo  





                              ภายในบริเวณสนามบินมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ นั่นคือ Doraemon Wakuwaku Sky Park ให้แฟน ๆ ได้ถ่ายรูปกับเหล่าการ์ตูนดังโดราเอมอนและผองเพื่อน








      
                            ออกจากสนามบินเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ซับโปโร ที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น สองข้างทางขาวโพลนด้วยหิมะที่ตกลงมาปกคลุมบ้านเรือน 





                       
                       มาเริ่มกันที่ศาลาว่าการหรือทำเนียบรัฐบาลเก่าของเมือง เก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1873 และบูรณะซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีเพื่อเป็นอนุสรณ์ทางวัฒนธรรม ภายในอาคารมีการจัดแสดงรูปภาพต่าง ๆ  ประวัติความเป็นมาของเกาะแห่งนี้









                                อีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาชม คือหอนาฬิกาโบราณ ที่มีอายุมากว่า 130 ปี  เห็นเก่าแก่อย่างนี้ยังบอกเวลาเที่ยงตรงเป๊ะ 









    


                           จบวันแรกด้วยการไปชมพิพิธภัณฑ์เบียร์ Sapporo  แห่งแรกและหนึ่งเดียวของญี่ปุ่น ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐแดง อดีตคือโรงงานผลิตเบียร์ ตั้งแต่ปี คศ. 1877 และปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี คศ.1987 โดยเปิดให้เข้าชมฟรี






                

                      ภายในแบ่งเป็น 3 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการการผลิต ความเป็นมาของเบียร์ Sapporo ตามฝาผนังประดับโปสเตอร์โฆษณาจากอดีตจนยุคปัจจุบัน 











                              ตอนหน้าไปเที่ยวโรงงานช็อคโกแลต