วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกาหลี 24 พค.54 คลอง ชองเกชอน

เกาหลี 23 - 28 พค.54 (ต่อ)

เช้า 24 พค.54  เรายังอยู่ที่ Tea guesthouse-Bamboo house Anguk หลังจากทานอาหารเช้า korean food อิ่มแล้ว ก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะไปเดินเลียบคลอง ชองเกชอน ที่มีความยาวเกือบ 6 กิโลเมตร มีสะพานข้ามคลองถึง 22 สะพาน  เราใช้บริการสถานีใต้ดิน Anguk เช่นเคย ต่อรถไฟสาย 5 สีม่วง ลงสถานี Gwanghwamun ทางออก 5 เดินตรงไป จะเห็นสิ่งนี้อยู่ทางซ้ายมือ



เรียกว่า " Spring "  สูงเกือบ 20 เมตร โดดเด่นสวยงาม ค่อย ๆ เดินเลียบริมคลองไปเรื่อย ๆ ชมธารน้ำไหล หนุ่มสาวมาเป็นคู่ ๆ เต็มไปหมด ดูเพลินตา หากอยากเดินตลอดสายต้องใช้เวลาเกือบ 5 ชม.
เราค่อย ๆ เดินต่อไป คิดว่าถ้าเหนื่อยหอบจะหยุด แต่สายตาเหลือบไปเห็นยอดตึก Doosan Tower นั่นคือตลาดทงแดมุน แหล่ง shop กระจายอีกที่หนึ่ง มองดูแล้วเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม  เดิน ๆ ๆ สู้ ๆ จนถึงปาไปเกือบ 2 กิโลเมตร เราขึ้นสะพานออกจากคลองชองเกชอนไปยังจุดหมาย ตึกนี้มีห้าง Doota  แหล่งเสื้อผ้าข้าวของมากมาย  shop จนลืมความปวดเมื่อยขาไปเลยวันนี้







เกาหลี ฮันอก และ ฮงอิก

เกาหลี 22 พค.54 (ต่อ)

               วันนี้ว่าจะเล่าเรื่องที่พักแบบฮันอก (บ้านแบบเกาหลีดั้งเดิม) ที่ไปพักมา Tea guesthouse -Bamboo house  ที่ Anguk  เราเลือก Bamboo house เพราะเห็นใน web บอกว่ามีห้องน้ำและห้องครัวพร้อม
ที่นี่มีอยู่ 3 ห้องนอน วันที่ไปถึงเต็มหมดทั้ง 3 ห้อง ห้องที่เราพัก แบ่งเป็นห้องนอนพร้อมทีวีและ Internet computer  ถัดไปเป็นห้องครัวมีตู้เย็น เตาไฟฟ้า และซิ้งค์ล้างจาน และสุดท้าย คือห้องน้ำ มีน้ำร้อน-เย็นให้เลือกอาบ    การนอนแบบฮันอก คือจะปูฟูกนอนกับพื้น มีผ้านวมและหมอนแบบเกาหลีเล็ก ๆ แข็ง ๆ ยัดใส้หมอนด้วยใบชา ใครที่ชินกับหมอนนุ่ม ๆ จะรู้สึก นอนไม่สบายนัก เราพัก 2 คืน เขาจะมีน้ำแช่ในตู้เย็นให้ 2 ขวดใหญ่ กาต้มน้ำไฟฟ้า ชาต่าง ๆ มากมายจัดเตรียมไว้ให้ อาหารเช้าจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ American breakfast  หรือ  Korean food   เราขอเลือกอย่างหลัง จะได้ดูเกาหลี ๆ หน่อย ทุกเช้า
9 โมง อาหารจะจัดเสริฟใส่ถ้วยเล็กถ้วยน้อยวางบนโต๊ะเล็ก ๆ เรียก ฮันจองชิก มาส่งให้ถึงในห้อง เครื่องเคียงต่าง ๆ เรียก บันชัน ประกอบด้วย ข้าวเกาหลี ซุป กิมจิ ผักดอง สาหร่าย ปลาหมึกแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย พร้อมช้อนและตะเกียบโลหะเป็นอาวุธ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ แต่หารายละเอียดดูได้จาก  http://www.teaguesthouse.com/english   อ้อ   ขอบอกอีกนิด คนชอบเงียบสงบมาก ๆ ต้องที่นี่ แต่ถ้าชอบทำกิจกรรมหัดทำกิมจิ  จิบชาแต่งชุด ฮันบก  ต้องที่ Tea guesthouse ค่ะ 

               เย็นวันนี้เราจะไปหาข้าวเย็นทานที่แถวมหา ' ลัย ฮงอิก จุดหมายคือร้าน Babtols  ของนายYesung  สมาชิกวง  SUJU  เราศึกษาทางมาอย่างดีว่า รถไฟใต้ดินสาย 2  ลงสถานี Hongik ทางออก 5
เดินตรงไป เลี้ยวซ้ายทางแยกแล้วก็เดินตรงไปเรื่อย ๆๆ  จนเห็นมหาลัยฮงอิก ให้เลี้ยวซ้าย   ผ่าน Starbucks  ผ่านร้านขาย  CD ถึงเลย  ปรากฎว่าหลง ๆ ๆ และหลง  เลี้ยวซ้ายขวาไปมา กว่าครึ่ง ชม. ถามทางไปทั่ว คนที่นี่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ สรุปเดินไปมาจนเจอมหาลัยจนได้ และสุดท้าย ร้านข้าว Yesung
ก็ปิดกำลังปรับปรุงหรือเปลี่ยนเจ้าของใหม่เสียแล้ว  เดินผิดหวังไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย พลันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรคุ้น ๆ มาก  นี่ไง






ร้านกาแฟ ใน series Coffee Prince  แต่สภาพร้านดูแล้วเหมือนจะปิดกิจการ ดูทรุดโทรมมาก เลยถ่ายรูปเพียงป้ายและด้านหน้าไว้ โอ้ ผิดหวังซ้ำสองอีก   หมดแรงเลยกลับไปนอนดีกว่า  Happy  ที่ฮันอก  สุดท้าย Sadly  ที่ฮงอิก
 

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกาหลีครั้งแรก ครั้งแรก และครั้งแรก 23 - 28 พค.54

                                    ทริปเที่ยวเกาหลีครั้งนี้ เกิดจากความคิดว่า เราเคยไปเที่ยวเกาหลีมาแล้ว 2 ครั้งกับบริการของทัวร์ที่มีคุณภาพ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เราอยากลองเที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ดูบ้าง  เริ่มจากค้นหาข้อมูลเอกสารต่างๆ จาก Internet ,Pocketbooks ของหลาย ๆ นักเขียน และคู่มือเที่ยวเกาหลีจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี ที่ถนนรัชดาภิเษก หลังจากศึกษาแล้วอย่างมั่นใจว่าเราทำได้แน่ ทีนี้ก็เริ่มดำเนินการหาตั๋วเครื่องบิน และที่พักที่โซล  เราเลือกสายการบิน Asiana Airline เนื่องจากอ่านคู่มือแล้วเห็นบอกว่าเป็นสายการบินที่ได้รางวัลห้าดาว จึงตัดสินใจจองผ่าน net ใช้บริการเป็นครั้งแรกดู เราเลือกชั้น Business เพราะคิดว่าต้องนั่งตั้งกว่า 5 ชั่วโมงขอสบาย ๆ หน่อย ส่วนเรื่องที่พัก ไปกับทัวร์ทุกครั้งจะได้นอนโรงแรมตลอด คราวนี้อยากมีประสพการณ์ครั้งแรกกับ การพักแบบ guesthouses ดูบ้าง หลังจากเลือกแล้วเลือกอีก เราจึงจอง Tea guesthouse (Bamboo house) ใน 2 คืนแรก เพราะอยากนอนแบบฮันอก(บ้านแบบเกาหลีดั้งเดิม)  ราคาคืนละ 100,000 วอนรวมอาหารเช้าเสริฟถึงห้อง ส่วนอีก 3 คืนหลังขอเลือกใกล้แหล่ง shop กระจายเมียงดง ได้ที่ Namsanguesthouse 2 อันนี้ถูกกว่าคืนละ 55,000 วอน เมื่อทุกอย่าง confirm แล้ว การเดินทางทัวร์กินและ shop ก็เริ่มขึ้น....

วันแรก 22 พค.54 เวลา 4 ทุ่ม เราออกเดินทางจากบ้านพัก โดยบริการรถลีมูซีน ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ check-in เสร็จ ได้รับบริการ fast track และ Asiana airline business lounge ทานอาหารรองท้องนิดหน่อยก่อนขึ้นเครื่องตอนตี 1 นั่งยาวไปเลย 5 ชม.พร้อมบริการอาหารเครื่องดื่ม หลับอีกงีบ ตื่นมาถึงสนามบิน Incheon ประมาณ 9 โมงเช้า ผ่าน ตม.ที่เลื่องลือว่าสุดโหดไปได้ ปีนีเป็นปีท่องเที่ยวของเกาหลี อาจจะลดดีกรีความโหดลง 

                    ปรากฎว่าปลาย พค.อากาศโซลไม่หนาวแล้ว เตรียมเสื้อกันหนาวมาอย่างดี เพราะเช็คสภาพอากาศมาว่า 14 องศา  เราออกจากสนามบินใช้บริการ Airport Bus No.6011 ที่จุดรอรถ 12A
ค่ารถ 10,000 วอน แต่ใช้ตั๋วเครื่องบิน (Boarding pass) แสดงลดได้ 1,000 วอนเหลือคนละ 9,000 วอน
ลงรถที่สถานี Anguk เดินต่อไปยัง Tea guesthouse  ที่นี่ให้ check-in บ่าย 3 โมง แถมอ่านใน net เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติ comment ว่าเจ้าของ guesthouse เป็นขาโหด มาก่อนเวลาไม่ได้รับการต้อนรับที่ดี แต่ทำไงได้ จะไปไหนก่อนก็ไม่ได้ กระเป๋าเดินทางใบบะเห้ง ลองเสี่ยงดู ผิดคาดได้รับการต้อนรับอย่างดี พร้อมบริการน้ำองุ่นให้ดื่มแก้เหนื่อย และพานั่งรถไปยัง Bamboo house ที่อยู่ใกล้กัน เราฝากกระเป๋าไว้ เพราะรอความเรียบร้อยของห้อง ตะลุยออกสำรวจโซลก่อนดีกว่า ไปไหนดีมีเวลาตั้งครึ่งวัน เลือกไปเที่ยว English village แล้วกัน ทดสอบวิชาท่องเที่ยวด้วยตนเองที่ศึกษามาอย่างดี

การเดินทางไป English village
                     ใช้บริการรถไฟใต้ดินสถานี Anguk ใกล้ที่พัก ต่อรถไฟสายสีเขียวลงสถานี Hapjeong ทางออก 2 ต่อรถเมล์สาย 2200 นั่งไปเกือบ 1 ชม.เหมือนออกไปบ้านนอกของเรา ไกลมาก ๆ จนเห็นรั้ว English village ฝั่งตรงข้าม ลงรถเลย อ้อลืมบอกไป ทุกอย่างไม่ว่าค่ารถ ค่าอะไร ใช้บัตร T- money  ดีที่สุด  ข้ามถนนมา เห็นทางเข้าแบบนี้



และแบบนี้



เดินเข้าซุ้มประตูไป ทำไมไม่มีใครเลย ค่าบัตรเข้าชมก็ไม่ต้องเสีย เอ๊ะวันนี้วันหยุดของเขาหรือเปล่า วันจันทร์ ที่ศึกษามาไม่เห็นบอกว่ามีวันหยุดเลย เราเดินจนทั่ว มีแต่กองถ่ายแฟชั่นและนางแบบ ร้านค้าภายในก็ปิดหมด แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้เข้าชมฟรีแล้วกัน เอารูปที่ถ่ายมาอวดให้ดูค่ะ







ไม่มีคนจริง ๆ  เห็นจะอยู่นานไปไม่ดี วังเวงพิกล เราจึงออกเดินทางกลับโดยนั่งรถเมล์สายเดิมป้ายหน้า English village ไม่ต้องข้ามถนน นั่งไป 1 ชม.เหมือนเดิม กลับสถานีเดิม เข้าที่พัก พรุ่งนี้มาเล่าต่อว่านอนแบบฮันอกเป็นยังไงค่ะ