วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

เส้นหมี่ผัดกะปิ





                            เมนูนี้เป็นอาหารจานเดียวง่าย ๆ ทำทานมื้อกลางวันวันหยุดยาวค่ะ


เครื่องปรุง


1.เส้นหมี่ขาวแช่น้ำให้นุ่ม  1  ห่อ (ทานได้ 4 คน)
2.เนื้อหมูสันในหรือสันคอหั่นชิ้นพอคำ  1  ถ้วย
3.กะปิอย่างดี  2 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมันพืช
5.ผักกาดขาวหั่นท่อนสั้น ๆ 1 ต้น
6.แครอทหั่นฝอย  1/2 ถ้วย
7.ใบมะกรูดฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ  6 - 7 ใบ
8.กระเทียมสับ  1 ช้อนชา
9.พริกขี้หนูสับมากน้อยตามชอบ
10.น้ำตาลทราย น้ำปลาดี ผงซุปไก่
11.กุ้งแห้งป่น    1/2  ถ้วย
12.ใบกระเพรา  1 ต้น


วิธีทำ


1.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ เจียวกระเทียมพอเหลือง  ใส่กะปิตามลงไปผัดคลุกจนหอม


2.ใส่หมูลงผัด ตามด้วย กุ้งแห้งป่น 


3.ใส่แครอท ผักกาดขาว พริกขี้หนู คลุกเคล้าพอสลด


4.ลงเส้นหมี่ตามไปในกระทะ ผัดให้เข้ากันจนถ้วนทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ผงซุปไก่ น้ำปลาดี (หากเค็มได้ที่แล้วไม่ต้องใส่) ชิมรส เผ็ด เค็ม หวานนิดหน่อย


5.ตบท้ายด้วยใบมะกรูดและใบกระเพราโรยลงไปให้ทั่ว ผัดไปมา  2 ที ปิดไฟได้
6.ตักใส่จาน เสริฟร้อน ๆ 




Tips     กรรมวิธีทำกะปิ เริ่มต้นด้วยการนำ " เคย " หรือลูกกุ้งฝอย มาล้างเอาเศษผงออกให้หมด แล้วเลือกกุ้งตัวที่ใหญ่เกินไปออก เพราะจะทำให้ยุ่งยากในการตำ และถ้ามีลูกปลาก็ต้องคัดออกด้วย มิฉะนั้นจะทำให้กะปิออกมาดำ สีไม่สวย เมื่อล้างเรียบร้อยแล้ว นำไปผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำประมาณเช้าถึงเพล พอให้เคยเริ่มเน่าหน่อย ๆ จึงนำมาเคล้ากับเกลือให้ทั่ว อัตราส่วนเคย ๑๐๐ กิโลกรัมต่อเกลือ ๑ ถัง  เกลี่ยให้กระจายแล้วผึ่งบนแคร่ไม้ไผ่ที่มีผ้ารองทิ้งไว้ ๑ คืน รุ่งเช้านำออกตากแดดถึงเย็น จึงนำใส่ครกไม้ตำให้แหลกด้วยสากมือ รุ่งเช้านำออกตากอีกครั้งหนึ่งให้แห้งพอหมาด ๆ ถึงเย็นเอามาตำหนึ่งครั้งให้ละเอียดและเหนียวดี จึงบรรจุใส่โอ่งหรือไห   แต่ก่อนจะใส่โอ่งต้องตรวจดูก่อนว่ากะปิเหนียวดีหรือไม่ ถ้าแข็งเกินไปให้เอาน้ำเกลือพรมแล้วตำให้อ่อนพอดี ถ้าอ่อนแฉะไป ให้แบ่งเป็นก้อน ๆ ขนาดเท่ากำปั้นแล้วเอาออกตากแดดให้เหนียวพอดี

              การยัดใส่โอ่งต้องอัดให้แน่นไม่ให้อากาศเข้าได้ เพราะนานเข้าน้ำเคยจะไหลซึมไปขังทำให้กะปิแฉะ  เมื่อบรรจุเต็มแล้วให้เจียนใบตาลปิดทับแล้วนำไม้ไผ่จักเป็นแผ่นขัดกัน ๔ แผ่น จากนั้นนำเกลือ ๑ กำมือโรยทับปากโอ่งตั้งทิ้งไว้ในที่ปลอดภัยจากน้ำฝนและฝุ่นละออง นานประมาณ ๒ - ๓ เดือนจึงเปิดออกมารับประทานได้



               อ่านกรรมวิธีแล้วซื้อเขาทานง่ายกว่าแน่นอนค่ะ


(ขอบคุณข้อมูลการทำกะปิจากเวบสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น