วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Wild Romance
Lee Dong Wook หลังจากออกจากกรมทหาร ได้มีผลงานการแสดงใหม่ ๆ ให้แฟน ๆ ได้ชม จากเรื่อง Scent of A Woman ที่อวสานไปเมื่อเดือน กันยายน ที่ผ่านมา คราวนี้มากับผลงานใหม่ ในบทของนักเบสบอลหนุ่ม (พักนี้เกาหลีทำไมชอบให้พระเอกเป็นนักเบสบอลจัง สงสัยกำลังเป็นกีฬายอดฮิต) กับรักของ Bodyguard ส่วนตัวของเขา อดีตนักยูโดสาว แสดงโดย นางเอกจาก Poseidon Lee Shi Young มารับบททอมบอยอารมณ์ร้อนที่เก่งในทุกสรรพอาวุธการต่อสู้ ต่างจากพระเอกที่รูปหล่อยอมหยิ่งยะโส style เรื่อง My Girl แต่เก็บกดกับรักเก่าที่ถูกสาวทอดทิ้งไป สาวสวยคนนั้นแสดงโดย SNSD ' s Jessica กับการแสดงละครครั้งแรกของเธอ แฟนคลับมีลุ้นแน่นอน
สาวน้อย Jessica วง SNSD |
ละครแนว Romantic Comedy 16 ตอนจบ ต้อนรับปีใหม่ 4 มกราคม 2555 ของค่าย KBS2 ทุกพุธ - พฤหัส แฟน ๆ Dong Wook - Jessica ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ
(ขอบคุณภาพจาก dramabeans )
วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สะโพกไก่น้ำแดง
ไปเดิน Supermarket ตอนนี้ไก่สดถูกมาก ไม่รู้ว่าเจ้าของฟาร์มไก่กลัวไก่จะจมน้ำอีกหรือเปล่า สะโพกไก่ที่ได้มาชิ้นละ 6 - 7 บาท ทำสะโพกไก่น้ำแดงถูกกว่าซื้อแม่ค้าร้านขายข้าวแกงอีกค่ะ
เครื่องปรุง
สะโพกไก่ จำนวนชิ้นตามปริมาณสมาชิกในครัวเรือน อันนี้ขอ 6 ชิ้น
เกลือป่น พริกไทยป่น
หอมใหญ่สับหยาบ 1 หัวใหญ่
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย ซอสเปรี้ยว
ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกศรีราชา ผงปรุงรส
ลูกกระวาน 5 เม็ด
วิธีทำ
1. นำสะโพกไก่ เกลือป่น และพริกไทยคลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10 นาที
2. ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟร้อนปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ นำสะโพกไก่ที่หมักไว้ไปทอดจนเหลืองสุก นำออกมาพักสะเด็ดน้ำมัน
3. ตั้งกระทะบนไฟร้อนจัด ใส่น้ำมันที่เหลือจากทอดไก่ลงไปนิดหน่อย ใส่หอมใหญ่สับและผัดจนเหลืองหอม จึงใส่ลูกกระวาน ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ ซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1 ซอสเปรี้ยว 1 และน้ำเปล่า ½ ถ้วย
4. ใส่ไก่ทอดลงไป หรี่ไฟลง เคี่ยวจนเข้าเนื้อกันดี ชิมรสอร่อยถูกใจ ปิดไฟและตักใส่ถ้วย เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
Tips บางตำราจะทอดไก่จนแห้งและไม่ใส่น้ำเปล่า ทำให้เป็นไก่น้ำแดงแบบข้น ๆ หนึบ ๆ ค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สูงสุดในสยามที่ดอยอินทนนท์
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ หรือชื่อเดิม ดอยอ่างกา ที่ที่มีหนองน้ำให้หมู่นกกามากมายบินไปเล่นน้ำ เป็นจุดสิ้นสุดของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นมากตลอดทั้งปี ยิ่งถ้าได้มาเที่ยวในหน้าหนาวแล้ว จะเห็นหมอกปกคลุมขาวไปทั่วและน้ำค้างแข็งจับตามกิ่งไม้อีกด้วย เนื่องจากความสูงถึง 2,599 เมตร เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 6 ของประเทศไทยที่ใคร ๆ ต่างอยากมาเยี่ยมเยือนในช่วงฤดูหนาว
ที่นี่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางอำเภอจอมทอง 106 กม.ถนนหนทางค่อนข้างสูงและชันมาก โดยเริ่มเดินทางจากเส้นเชียงใหม่ - ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ผ่าน หางดง สันป่าตอง ไปยังจอมทอง ก่อนถึงจอมทอง 2 กม.ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นจอมทอง - อินทนนท์ ถึง กม.ที่ 8 จะเริ่มเข้าเขตอุทยาน ฯ ในบริเวณอุทยานมีน้ำตกและถ้ำมากมาย และยังเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยอีกด้วย
ข้าวตอกฤาษี ( Sphagnum Moss ) เป็นพืชที่พบได้ตามที่สูงกว่า 2000 เมตรเท่านั้น ชอบความอุดมสมบูรณ์สูง ที่ชุ่มชื้นและอากาศเย็น
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล และ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
ตั้งอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 41.5 ด้านซ้ายมือ สร้างถวายในหลวงทรงครบ
พระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี 2530 และพระบรมราชินีนารถทรงครบพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี 2535 ตามลำดับ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล มีความหมายว่า พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน และ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ มีความหมายว่า เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน ตัวฐานพระธาตุเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบ 2 ระดับ มีบันไดเลื่อนเหมือนในห้าง ฯ ให้บริการขึ้นอย่างเดียวเพื่อไปชมบนพระธาตุอีกด้วย ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท
(แผนที่จากเวบ thaitour)
Tips หากจะขับรถไปเที่ยวดอยอินทนนท์เอง ควรเตรียมความพร้อมสมรรถนะเครื่องยนตร์ น้ำมันรถต้องเต็มถัง ความสามารถพิชิตโค้งของผู้ขับ และมี GPS พกไปด้วยยิ่งเยี่ยม
ที่นี่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางอำเภอจอมทอง 106 กม.ถนนหนทางค่อนข้างสูงและชันมาก โดยเริ่มเดินทางจากเส้นเชียงใหม่ - ฮอด (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) ผ่าน หางดง สันป่าตอง ไปยังจอมทอง ก่อนถึงจอมทอง 2 กม.ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นจอมทอง - อินทนนท์ ถึง กม.ที่ 8 จะเริ่มเข้าเขตอุทยาน ฯ ในบริเวณอุทยานมีน้ำตกและถ้ำมากมาย และยังเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยอีกด้วย
ข้าวตอกฤาษี ( Sphagnum Moss ) เป็นพืชที่พบได้ตามที่สูงกว่า 2000 เมตรเท่านั้น ชอบความอุดมสมบูรณ์สูง ที่ชุ่มชื้นและอากาศเย็น
ทางเดินไม้รอบ ๆ บริเวณดอย |
ทางเดินลงไปชม กุหลาบพันปี ขอบอกว่าหนาวมาก ๆ |
บรรยากาศหนาวเย็นปกคลุมไปด้วยหมอก |
ป้ายยืนยันว่าสูงสุดจริง |
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล และ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
ตั้งอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 41.5 ด้านซ้ายมือ สร้างถวายในหลวงทรงครบ
พระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี 2530 และพระบรมราชินีนารถทรงครบพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี 2535 ตามลำดับ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล มีความหมายว่า พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน และ พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ มีความหมายว่า เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน ตัวฐานพระธาตุเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบ 2 ระดับ มีบันไดเลื่อนเหมือนในห้าง ฯ ให้บริการขึ้นอย่างเดียวเพื่อไปชมบนพระธาตุอีกด้วย ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ |
พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล |
(ภาพจาก web.doiinthanon.com) |
วิวมองลงมาจากบนพระมหาธาตุ ฯ |
(แผนที่จากเวบ thaitour)
Tips หากจะขับรถไปเที่ยวดอยอินทนนท์เอง ควรเตรียมความพร้อมสมรรถนะเครื่องยนตร์ น้ำมันรถต้องเต็มถัง ความสามารถพิชิตโค้งของผู้ขับ และมี GPS พกไปด้วยยิ่งเยี่ยม
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เส้นใหญ่ราดหน้าผงกะหรี่
ไปพบตำราทำราดหน้าใส่ผงกะหรี่ ไม่เคยทานเลย จึงลองทำดู อร่อยดีเหมือนกัน ต้องบอกต่อ
เครื่องปรุง
เส้นใหญ่สด
หมูสับ หมักซีอิ๊วขาวและผงปรุงรสไว้ 1/2 ชม.
หอมใหญ่สับหยาบ
ผงกะหรี่
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน น้ำมันหอย พริกไทยป่น น้ำมันพืช
ตังฉ่าย
แป้งข้าวโพดผสมน้ำ
ใบคึ่นช่าย ล้างสะอาดหั่นท่อนสั้น ๆ
วิธีทำ
1.เส้นใหญ่อุ่นให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ แล้วนำมาคลี่กระจายให้เส้นไม่ติดซ้อนกัน และดึงให้สั้น ๆ
2.ผัดเส้นกับน้ำมันพืชนิดหน่อย ใส่ซีอิ๊วดำหวาน ผัดคนให้ทั่ว ๆ กันจนหอม พักใส่หม้อไว้
3.ใส่น้ำมันในกะทะ ตามด้วยหอมใหญ่สับ ตังฉ่าย หมูสับ ผงกะหรี่ ผัดให้หมูสุกไม่จับกันเป็นก้อน ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย
4.ใส่น้ำต้มสุกลงไป 4 ถ้วย รอจนเดือดใส่แป้งข้าวโพด คนอย่าให้แป้งจับเป็นก้อน พอน้ำข้นและเดือด ชิมรสถูกใจปิดไฟได้
5.เวลาจะทาน ใส่เส้นใหญ่ ราดหน้าด้วยน้ำหมูสับที่ทำไว้ โรยด้วยใบคึ่นช่าย พริกไทยป่น
Tips ผงกะหรี่ มีคุณประโยชน์ในการป้องกันการหลงลืม จึงเป็นอาหารบำรุงสมองอย่างดียิ่ง
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ส้มตำข้าวหลาม
วันนี้ได้ข้าวหลามอร่อยมา 2 กระบอก เป็นข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาว
เลยนึกอยากทานส้มตำขึ้นมา แกล้มกับไก่ย่าง
เครื่องปรุง
มะละกอดิบ 1 ใบ แครอท 1 ลูก สับเป็นเส้นเล็ก ๆ ผสมกัน กุ้งแห้ง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี มะนาว พริกขี้หนูสวน กระเทียม ถั่วแผ่นหรือถั่วตัด
น่องไก่ติดสะโพกล้างสะอาด บั้ง 2 - 3 แฉกหมักซอสปรุงรสผสมผงปรุงรสและพริกไทยไว้ 1 ชั่วโมง
วิธีทำ
ส้มตำ 1.โขลกกระเทียม พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว น้ำตาลปี๊บ และถั่วแผ่นพอแหลก
2.ใส่กุ้งแห้ง มะเขือเทศหั่น น้ำปลา มะนาว ชิมรสจัด ๆ
3.ใส่มะละกอผสมแครอท ตำคลุกเคล้าเบา ๆ ใช้ช้อนช่วยคนไปมาในครก
4.ชิมรสอีกครั้งตามชอบ ตักใส่จาน
ไก่ย่าง นำไก่ที่หมักไว้มาย่างบนเตา ใช้ไฟปานกลาง พลิกกลับไปมาให้สุกเหลืองทั่วกัน
เวลาทาน ส้มตำไก่ย่างกับข้าวหลามหั่นเป็นแว่น ๆ พอคำ จิ้มน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำจิ้มไก่ก็อร่อยค่ะ
Tips จะให้มะละกอกรอบอร่อยเวลาทาน ต้องแช่เส้นมะละกอที่สับในน้ำผสมน้ำมะนาวและเปลือกมะนาวไว้สักครู่ นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำก่อนไปตำเป็นส้มตำค่ะ
วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เที่ยวพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
เรือนรับรอง
บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ เชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ทรงใช้ประทับยามเสด็จมาเยี่ยมราษฎร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2504 และเปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมความงามของพรรณไม้นานาชนิด ตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 15.30 น. หยุดพักชมช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายโมง ทุกวัน โดยต้องแต่งกายสุภาพเท่านั้น หาไม่แล้วต้องเช่าผ้าถุงผ้านุ่งห่มเข้าไปคนละ 15 บาท และค่าเข้าชมอีกคนละ 20 บาท มีรถกอล์ฟบริการพร้อมคนขับบรรยายสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่าบริการ 300 บาท นั่งได้คันละ 3 คน เหมาะสำหรับผู้ไม่อยากเดินหรือมีเวลาจำกัดในการท่องเที่ยว
ที่นี่อยู่ห่างจากดอยสุเทพประมาณ 4 กม. มีความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเลประมาณ กว่า 1,300 เมตร เนื้อที่โดยรอบพระตำหนักประมาณ 400 ไร่ นั้น แบ่งเป็นบริเวณที่ เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมประมาณ 200 ไร่ คำว่า “ดอยบวกห้า” เป็นคำพื้นเมือง ดอย คือภูเขา บวก คือ หนองน้ำ ห้า คือ ต้นหว้า รวมความหมายคือ ที่ยอดดอยแห่งนี้มี หนองน้ำอุดมไปด้วยต้นหว้าขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ นั่นเอง
ย้ำเตือน เดือนมกราพกพาเสื้อกันหนาว ใส่ยาวงดสายเดี่ยวกระโปรงสั้น ไปให้ทันปิดพักเที่ยง จะได้ไม่เสี่ยงพลาดชมพระตำหนักค่ะ.
บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ เชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ทรงใช้ประทับยามเสด็จมาเยี่ยมราษฎร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2504 และเปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมความงามของพรรณไม้นานาชนิด ตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 15.30 น. หยุดพักชมช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายโมง ทุกวัน โดยต้องแต่งกายสุภาพเท่านั้น หาไม่แล้วต้องเช่าผ้าถุงผ้านุ่งห่มเข้าไปคนละ 15 บาท และค่าเข้าชมอีกคนละ 20 บาท มีรถกอล์ฟบริการพร้อมคนขับบรรยายสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่าบริการ 300 บาท นั่งได้คันละ 3 คน เหมาะสำหรับผู้ไม่อยากเดินหรือมีเวลาจำกัดในการท่องเที่ยว
ที่นี่อยู่ห่างจากดอยสุเทพประมาณ 4 กม. มีความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเลประมาณ กว่า 1,300 เมตร เนื้อที่โดยรอบพระตำหนักประมาณ 400 ไร่ นั้น แบ่งเป็นบริเวณที่ เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมประมาณ 200 ไร่ คำว่า “ดอยบวกห้า” เป็นคำพื้นเมือง ดอย คือภูเขา บวก คือ หนองน้ำ ห้า คือ ต้นหว้า รวมความหมายคือ ที่ยอดดอยแห่งนี้มี หนองน้ำอุดมไปด้วยต้นหว้าขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ นั่นเอง
เรือนปีกไม้ที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ฯ |
ทางเดินเข้าชมตัวพระตำหนักภูพิงค ฯ ที่ก่อสร้างแบบเรือนหมู่ ยกพื้นสูง ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 5 เดือน |
เขตพระราชฐานหวงห้าม จึงถ่ายแค่บันไดขึ้นมาเป็นที่ระลึก |
กุหลาบที่นี่ดอกใหญ่มาก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะบานเต็มตาไปหมดในเดือนมกราคมค่ะ |
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ไว้ใช้ในบริเวณพระตำหนัก ด้านซ้ายจะเห็นพลับพลาไม้สักทองที่ประทับ น้ำพุกลางอ่างที่เห็นประกอบเสียงดนตรี ชื่อน้ำพุ " ทิพย์ธาราแห่งปวงชน " |
พระตำหนักสิริส่องนครพิงค์ หรือ พระตำหนักยูคาลิปตัส เนื่องจากใช้ไม้ยูคา มาสร้างแบบ Log Cabin |
พระตำหนักพยัคฆ์สถิต สร้างแบบ Log Cabin ด้วยไม้ยูคา ที่ประทับของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ |
ย้ำเตือน เดือนมกราพกพาเสื้อกันหนาว ใส่ยาวงดสายเดี่ยวกระโปรงสั้น ไปให้ทันปิดพักเที่ยง จะได้ไม่เสี่ยงพลาดชมพระตำหนักค่ะ.
วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ยำเห็ดสามสหาย
เดี๋ยวนี้คนนิยมชมชอบทานเห็ดกันมากขึ้น เห็นมีเมนูอาหารที่ปรุงด้วยเห็ดชนิดต่าง ๆ มากมาย แม้กระทั่งเสียบไม้ย่างจิ้มน้ำจิ้ม seafood ก็อร่อยดีแถมราคาแพงอีกต่างหาก วันนี้ทานยำเห็ดสามสหายหรือจะกี่สหายก็ได้ค่ะแล้วแต่ชอบ
เครื่องปรุง
เห็ดสดที่ชอบ เช่นเห็ดหอมสด เห็ดออรินจิ เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว - ดำ
แต่เมนูนี้ใช้ 3 เห็ดค่ะ
ใบคึ่นช่ายหั่นเป็นท่อน ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย
น้ำยำเห็ด น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส ผงปรุงรส มะนาว พริกขี้หนูซอย ผสมรวมกัน
วิธีทำ
1.ล้างเห็ดให้สะอาด ลวกในน้ำเดือดพอสุก ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที เสร็จแล้วนำใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
2.ใส่น้ำยำเห็ดที่ผสมไว้ลงในอ่างผสม ชิมรสให้ได้จัด ๆ ตามชอบ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวานนิด ๆ
3.ใส่เห็ดที่ลวกแล้วลงไปคลุกผสมให้เข้าถึงเนื้อใน
4.ใส่หอมแดง ตะไคร้ ใบคึ่นช่าย คลุกเบา ๆ อีกครั้ง ชิมรสอีกทีให้แซ่บสะใจ
5.ตักใส่จาน ทานเล่นก็ได้ ทานกับข้าวสวยก็ดีค่ะ
Tips เหตุที่ลวกเห็ดแล้วต้องตักออกแช่ในน้ำเย็นทันที ก็เพื่อให้เวลาเคี้ยวทานจะได้กรอบอร่อยไม่เหนียวเป็นหนังสติ๊กค่ะ
วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ปาย แม่ฮ่องสอน
ต้องขอบคุณฝรั่งใจดีคนหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองปาย และนำไปเขียนเป็นหนังสือ ทำให้ ปาย เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เรียกได้ว่าฝรั่งต่างชาติรู้จักและเที่ยวปายก่อนเราคนไทยเสียอีก
ได้ยินชื่อ ปาย จากการเป็น Location ภาพยนต์ ปายอินเลิฟ แต่ก็ไม่ได้ดูกับเขาหรอก คิดว่าเป็นเมืองสงบ ธรรมชาติ ๆ ไม่อึกทึกครึกโครม แต่พอได้มาเห็นกับตาครั้งแรก ช่างคล้ายกับพัทยา เห็นฝรั่งต่างชาติมากมาย บ้านเรือนเต็มไปด้วย Guesthouses , Homestays และ Resorts ตัวหนังสือตามป้ายมีแต่ภาษาฝรั่ง แม้แต่ร้านกาแฟริมถนนริมทาง คนต่างก็รุมไปถ่ายภาพกัน วิถีชีวิตสงบเดิม ๆ ของชาวบ้านแถบนี้คงหมดไปแล้ว แต่ก็ยังพอมีถนนคนเดินให้เหลือไว้ขายของพื้นเมืองและอาหารเหนือเป็นเอกลักษณ์กันได้บ้าง
ร้านกาแฟเก๋ ๆ หัวมุมถนนกลางเมือง |
จุดท่องเที่ยวสำคัญของปาย |
แม่น้ำปายที่นิยมล่องแพล่องแก่ง
ได้แค่ผ่านมาชมและเลยผ่านไปค่ะ ไม่ได้ค้างที่นี่ กลับไปเมืองเชียงใหม่ต่อ
Tips
จากปางอุ๋งไปปายใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เนื่องจากถนนคดเคี้ยวและมีโค้งมากมาย
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554
กลับบ้านเรา รักรออยู่
หลังจากอพยพออกจากบ้านเนื่องจากน้ำท่วมได้ 2 สัปดาห์ และติดตามข่าวทางทีวีและ Internet ทุกวัน ว่าเมื่อไรน้ำจะลด จะได้กลับเข้าบ้านได้ สุดท้ายก็ได้ข่าวดี น้ำลดแล้ว
28 พ.ย.54 เราได้กลับเข้าบ้านหลังน้ำท่วม วันนั้นจำได้ เรียกบริการ Taxi หอบสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของ เพื่อส่งยังบ้าน จำได้ไม่ลืม คำพูดของคนขับ Taxi วันนั้น " น้ำท่วมไม๊ ผมไม่ลุยเข้าไปนะ เจอน้ำท่วมรถผมพังไม่คุ้มกับค่ารถ 200 กว่าบาท " เราเลยบอกว่า หากคุณเจอน้ำท่วมตรงไหนและขับต่อไปไม่ได้ เราจะลงรถทันที สุดท้ายก็ส่งเราถึงบ้านได้สบาย
สภาพภายในหมู่บ้านที่เห็น ไม้ยืนต้นแห้งตายใบเหลือง หญ้าตามผืนดินที่ถูกน้ำท่วมกว่าครึ่งเดือนแห้งตายหมด รอยคราบน้ำหลงเหลือติดกำแพงรั้วทุกบ้านให้เห็นสูงกว่า 60 ซม. บ้านแต่ละหลังกำลังสาละวนกับการเก็บกวาดขยะ ถูขัดคราบพื้นกระเบื้องทางเดินเพื่อกลับเข้าอยู่อาศัย
รอยคราบน้ำที่หลงเหลือ |
หญ้าตามพื้นดินแห้งตายหมด |
มาถึงบ้าน ภายในปลอดภัยทุกอย่าง เนื่องจากน้ำมาเยือนโอบรอบรั้วทั้งสี่ด้านเท่านั้น สนามหญ้าหน้าบ้าน ต้นไม้อยู่สุขสบายดี ต้องขอบคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่อุทิศกำลังกายใจป้องกันบ้านให้เราเต็มที่ เครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องที่มีอยู่ได้ใช้งานอย่างเต็มพิกัด เจอน้ำซึมมาทางใต้รั้วตรงไหน สกัดออกหมด มีเพียงสนามหญ้าหลังบ้านเท่านั้น ที่ต้องอุทิศทรายให้กับเรา เพื่ออุดทุกรอยรั่วริมรั้วที่น้ำซึมเข้ามา จนโบ๋เป็นแอ่งกระทะ เหมือนหลุมทรายสนามกอล์ฟ ต้องถมกันใหม่
กระเบื้องปูพื้นโรงรถมีแต่คราบขาวของน้ำ |
เจ้าหมาน้อย 2 ตัวที่รัก แม้จะประสพอุทกภัยแต่ก็อ้วนพีไม่มีที่ติ เนื่องจากซื้ออาหารตุนไว้ให้เรียบร้อยไม่อดอยากก่อนเราออกไป Happy กันใหญ่ที่เห็นสมาชิกในบ้านกลับมา
ความสุขกลับคืนมาอีกครั้ง เพราะที่ใดก็ไม่เหมือนบ้าน ขอเพียงแต่คุณน้ำอย่าหวลคืนกลับมาอีกก็พอแล้ว.
ต้นไม้ดอกไม้ภายในบ้านยังสดชื่นและมีชีวิตดี |
ข้าวซอยไก่
สมัยเด็ก ๆ เคยไปเที่ยวเชียงใหม่ สั่งข้าวซอยทานครั้งแรก ตกใจ ทำไมหน้าตาข้าวถึงเป็นเส้น ๆ เหลือง ๆ มารู้ว่าเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวเหนือ เดิมเรียกว่า ก๋วยเตี๋ยวฮ่อ กำเนิดจากชาวจีนมุสลิม แรก ๆไม่ใส่กะทิ ตอนหลังประยุกต์ใส่กะทิ ทำให้เป็นที่นิยมทานกัน หาทานได้ทั้งเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แม้แต่ในกรุงเทพก็มีขายกันหลายร้าน อร่อยมากอร่อยน้อย แต่ทุกที่ที่เคยทานจะปรุงรสเผ็ดนำเป็นหลัก หากสู้ความเผ็ดไม่ไหว ทำเองดีกว่า สะดวกง่ายดาย เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องปรุงข้าวซอยสำเร็จขาย ไม่ยุ่งยากค่ะ
เครื่องปรุง (ทานได้ 5 คน)
1.เส้นบะหมี่เหลืองชนิดเส้นแบน 1 ห่อ (ต้องอย่างแบนเท่านั้นจึงจะอร่อย)
2.สันในไก่ หรือน่องไก่ หรือหมู หรือเนื้อ แล้วแต่ชอบ 1/2 กก.
3.กะทิ 150 กรัม
4.ผักกาดดองซอย
5.หอมแดงซอย
6.มะนาว
7.น้ำตาลทราย
8.ซีอิ๊วขาว
9.น้ำต้มสุก
10.เครื่องปรุงข้าวซอย 1 ซอง
วิธีทำ
1.หั่นไก่เป็นชิ้นเล็ก ๆ หมักซีอิ๊วขาวไว้ 20 นาที
2.ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง เทเครื่องปรุงข้าวซอยลงไป เคี่ยวจนส่งกลิ่นหอม
3.ใส่เนื้อไก่ลงไป ผัดพอสุก
4.เติมน้ำต้มสุกประมาณ 3 ถ้วย เคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ พอเดือดหรี่ไฟอ่อน
5.ชิมรส อย่าให้เค็มหรือเปรี้ยวเกินไป เนื่องจากต้องทานกับเครื่องเคียง
6.ลวกเส้นบะหมี่ให้สุก บางคนชอบโรยบะหมี่กรอบ ก็ให้แบ่งเส้นไปทอดไว้ก่อนได้
7.เวลาเสริฟ ใส่เส้นบะหมี่ลวก ราดน้ำปรุงข้าวซอย ทานคู่กับเครื่องเคียง มะนาว ผักกาดดอง หอมแดงซอย ใครชอบเผ็ดมากตามด้วยพริกทอด พริกป่น พริกเผาได้ค่ะ
อร่อยได้ไม่ต้องออกจากบ้านค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)