วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Spaghetti Anchovy






                             ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวถนนพระอาทิตย์ทำเมนูนี้ให้ทาน ติดใจอร่อยมาก แล้วก็ลองทำดู

เครื่องปรุง

1.เส้นสปาเกตตีชนิดเส้นเล็กต้มสุก    1 ถ้วย  
2.ปลาแอนโชวีในน้ำมันมะกอกสับหยาบ ๆ    4 ตัวเล็ก 
3.กระเทียมสับ      4  กลีบ 
4.พริกขี้หนูแห้งทอด     3  เม็ด
5.เกลือป่น
6.พริกไทยป่น
7.บร็อคโคลี่หั่นชิ้นเล็ก   1 ถ้วย
8.ชีสเส้นฝอย ใช้โรยหน้า ปริมาณตามชอบ      
9.มะกอกดองผ่าครึ่ง  10  ลูก สีเขียวหรือดำตามชอบ


วิธีทำ

1.ใช้น้ำมันมะกอกจากขวดแอนโชวีใส่ในกระทะ 1 ชต ใส่กระเทียมสับลงผัด ตามด้วยปลาแอนโชวี ผัดพอหอม
2.ใส่เส้นสปาเกตตี ตามด้วยบร็อคโคลี มะกอกดอง ผัดให้เข้ากันพอสุกปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยป่น และพริกทอด
3.ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยชีสเส้น พร้อมเสิร์ฟ


Tips  Anchovy ก็คือปลาเค็มหรือปลาร้าของชาวตะวันตก  นิยมนำมาปรุงอาหารหรือหมักทำซอส เมืองไทยเรียกปลากระตัก ปลาไส้ตันนั่นเอง ไม่อยากฝรั่งจ๋าใช้ปลาอินทรีเค็มบ้านเราแทนก็อร่อย




วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กุ้งผัดไข่เค็ม






                    เมนูนี้ดัดแปลงจากปลาหมึกผัดไข่เค็มที่ทุกคนรู้จักเป็นกุ้งแทน


เครื่องปรุง

- กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก ปริมาณตามชอบ  
- ไข่เค็ม เฉพาะไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำพริกเผา น้ำมันพริกเผา  
- ซีอิ๊วขาว 
- พริกไทยป่น 
- น้ำตาลทราย 
- ต้นหอม หั่นท่อนสั้น ๆ  2 ต้น
- คึ่นช่าย หั่นท่อนสั้น 2 ต้น
- กระเทียมสับ 3 กลีบใหญ่
- น้ำมันพืช

-แป้งทอดกรอบ
-น้ำมันหอย
-หอมใหญ่ซอย 1 หัว

วิธีทำ

1.ยีไข่แดงให้แตกจากก้อน ผสมกับน้ำพริกเผา 2 ชต น้ำมันพริกเผา 1 ชต น้ำมันหอย 1 ชต
2.ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำนิดหน่อย นำกุ้งลงชุบแป้งแล้วทอดให้กรอบเหลือง ตักใส่จานพักไว้




3.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช 1 ชต เจียวกระเทียมและหอมใหญ่พอหอม
4.ใส่พริกเผาไข่แดงที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 ลงไปผัดไปมา
4.ใส่กุ้งทอดตามลงไป ผัดอย่างเร็วและเบามือให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ชิมรส
5.ใส่ต้นหอม คึ่นช่าย ผัดไปมา ตักขึ้นใส่จานพร้อมเสิร์ฟ




วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวสิงคโปร์เองไม่ยาก - ตอนจบ





11 สิงหาคม 2557

                                  วันนี้ทั้งวันยกให้กับ Universal Studios  เตรียมพกร่ม แว่นกันแดด ครีมกันแดดไปด้วย ขอบอกว่าร้อนมากๆๆๆ

                                  เริ่มออกเดินทางไปลงสถานี MRT HarbourFront exit E มุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ Vivo City ขึ้นไปยังชั้น 3 ตามป้ายบอกทาง เพื่อไปขึ้นรถโมโนเรลลอยฟ้า  Sentosa Express ไปยังเกาะ Sentosa เข้าคิวซื้อตั๋วรถอย่างยาวมากกกกกก ขนาดวันนี้เป็นวันธรรมดา ไม่อยากนึกภาพหากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะมากมายขนาดไหน ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติก็ไม่เปิดใช้บริการ ค่าตั๋วรถคนละ 4 ดอลล่าร์สิงคโปร์

                                  ลงที่สถานี Waterfront เติมพลังอาหารไว้ก่อนเดี๋ยวต้องเดินเยอะมาก จุดทานอาหารคือ หน้าปากทางเข้า Resort World ทางขวามีศูนย์อาหาร Malaysian Food Street จำลองบรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายให้เลือก อยากทานบักกุ๊ดเต๋แต่คิวยาวมาก สุดท้ายต้องข้าวมันไก่ตามเคย



                                 ใครไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้า จะมีซุ้มจำหน่ายตั๋วเข้า Universal Studios วันนี้คนไม่มาก ค่าตั๋วคนละ 74 ดอลล่าร์ แต่ถ้าจ่ายแพงขึ้นอีกประมาณ 20 ดอลล่าร์ จะได้เข้าเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ก่อนคนอื่น ๆ เป็นตั๋ว Express 




                               Universal Studios Singapore แบ่งออกเป็น 7 โซนคือ New York, Sci - fi City,  Ancient Egypt, The Lost World, Far Far Away, Madagascar และ Hollywood  พร้อมเครื่องเล่นให้ตื่นตาตื่นใจเสียวใส้มากน้อยในทุกโซน 





Ancient Egypt

Far Far Away กับการ์ตูน Shrek

Sci-Fi City

Ice-cream เม็ดขายอยู่ตรงข้ามเจ้า Transformers
                                แทบทุกโซนจะมีด่านกับดักชักชวนให้เงินเหรียญสิงคโปร์ต้องหลุดจากกระเป๋าเราจนได้กับเหล่าความน่ารักของตุ๊กตาต่าง ๆ มากมาย วันนี้เจอนักท่องเที่ยวชาวไทยเยอะมาก นักช็อปตัวยง แนะนำว่าควรซื้อตอนจะกลับดีที่สุด ตรงทางออกโซน Hollywood












                                  จุดจอดที่สองของ Sentosa Express คือ Imbiah Station  ใครอยากเจอคุณพ่อ Merlion ยักษ์ใหญ่ต้องลงสถานีนี้เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จุดนี้จะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เครื่องเล่นต่าง ๆ โรงภาพยนตร์ สวนผีเสื้อ แมลง และอีกมากมาย




                                    จุดจอดที่สามสุดท้ายแต่ไปไม่ไหวแล้วคือร้อนมาก  คือ Beach Station มีหลากหลายชายหาด  และโลกสวย ๆ ใต้น้ำ Underwaterworld 

                                    ค่ำคืนสุดท้ายในสิงคโปร์ ออกเดินไป Clarke Quay โดยเดินจากโรงแรมไปตามถนน Havelock เลียบริมแม่น้ำสิงคโปร์ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 กม.มีหลากหลายร้านอาหารให้เลือกทานมากมาย เช่น Jumbo Seafood , No Sign board Seafood ชมแสงสีระยิบระยับของไฟประดับตามสะพาน ตามตึกและร้านอาหารต่าง ๆ เกือบ 200  ร้านค้า ทำให้เพลินจนไม่รู้สึกเมื่อยขา 








                          สุดท้ายสำหรับนัก shop อย่าลืมเรื่องทำ Tax Refund ที่สนามบิน บริเวณ Terminal 1 ที่นี่จัดเป็นการทำ Tax Refund ที่สะดวกสบายที่สุดในโลก เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดใบขอคืนภาษีที่ร้านค้าให้มากับเครื่องอ่านอัตโนมัติ ไม่กี่นาทีเครื่องก็จะออกสลิปให้เราและแจ้งเงินคืนภายใน 10 วัน ไม่ต้องใส่ซอง ไม่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ (แอบเห็นนั่งเหงา) สุดยอดจริง ๆ ประเทศนี้


วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เต้าหู้ทอดญี่ปุ่น





         

                              วันก่อนไปทานอาหารญี่ปุ่น เจอเมนูเต้าหู้ทอด อยากลองทำบ้าง ค้นหาวิธีจาก Google แต่ดัดแปลงให้ง่ายขึ้น  เริ่มกันเลย


เครื่องปรุง  ( สำหรับ 1 ที่ )

1.เต้าหู้ญี่ปุ่นชนิดนิ่ม    1 กล่อง
2.งาขาว 1/2 ชช.
3.แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด
4.น้ำมันพืช
5.โชยุ
6.มิริน
7.ผงปลาคัตซึโอะ
8.ผงสาหร่ายโรยหน้า


วิธีทำ

1.ทำซอสจิ้มก่อนโดยผสมโชยุ 1 ชต.กับมิริน 1 ชช และผงปลาคัตซึโอะ เคี่ยวพอเดือด พักไว้ให้เย็น
2.เต้าหู้หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ห่อด้วยกระดาษทิชชูทำครัววางบนจานเข้าไมโครเวฟ อบไฟปานกลางประมาณ  3-5  นาทีเพื่อรีดน้ำในเต้าหู้ออก นำออกมาพักให้สะเด็ดน้ำ
3.นำเต้าหู้คลุกกับแป้งมันหรือแป้งข้าวโพดผสมงาขาว  ทอดไฟปานกลาง ให้น้ำมันท่วมเต้าหู้ 
4.ใช้ตะเกียบพลิกเต้าหู้กลับไปมาพอเหลืองสวยนำขึ้นใส่จานที่รองด้วยกระดาษซับมัน
5.โรยผงสาหร่าย  เสิร์ฟร้อน ๆ ทานกับซอสจิ้มที่เตรียมไว้ 


Tips จะให้แซ่บต้องจิ้มน้ำจิ้มแจ่ว อร่อยมากขอบอก แต่จะผิดสัญชาติไปหน่อย







วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปูผัดพริก Singapore Chilli Crab






                             ใครไปเที่ยวสิงคโปร์ต่างก็ตั้งใจไปทานเมนูสุดฮิต ปูผัดพริก ของร้านดัง Jumbo Seafood ขนาดรอคิวเกือบ 2 ชั่วโมงยังไม่ย่อท้อ มาดูกันว่าอร่อยอย่างไร

เครื่องปรุง

1.ปูทะเลตัวโต ๆ 1 ตัว หรือก้ามปู  3 อันล้างสะอาดสับเป็นชิ้น ๆ ก้ามบุบพอแตก
2.ซอสมะเขือเทศ
3.ซอสพริก
4.แป้งข้าวโพด
5.น้ำสะอาด
6.ขิงหั่นแว่น      4 แว่น
7.กระเทียมสับ   3 กลีบใหญ่
8.หอมแดงสับ   3 หัว
9.น้ำมันพืช
10.ต้นหอมหั่นท่อนสั้น ๆ 3 ต้น
11.ไข่ไก่ 1 ฟอง
12.พริกไทยป่น
13.น้ำตาลทรายแดง
14.ซีอิ๊วขาว
15.น้ำมะนาว

วิธีทำ


1.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช 2 ชต.เจียวกระเทียม หอมแดง และขิง พอหอม ใส่ปูลงไปผัดพอปูเริ่มออกสีแดง
2.ผสมซอสมะเขือเทศ 5 ชต ซอสพริก 2 ชต ซีอิ๊วขาว 2 ชต คนให้เข้ากันใส่ลงในกระทะ
3.แป้งข้าวโพด 2 ชต.ผสมน้ำเล็กน้อยให้ละลาย เทลงไปในกระทะรีบคนเร็ว ๆ ถ้าข้นเกินไปเติมน้ำสุกนิดหน่อย 
4.อบจนปูสุกสีแดงประมาณ 5 นาที
5.ใส่ไข่ไก่ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายแดง 2 ชต.มะนาว และพริกไทยป่น
6.ตักขึ้นใส่จานโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ



วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวสิงคโปร์เองไม่ยาก - III







10 สิงหาคม 2557 - บ่าย

                                 ที่สถานี MRT Bayfront หากเราเดินออก exit B จะมีป้ายบอกทางไป Gardens by The Bay 

                                น่าอิจฉาคนสิงคโปร์ได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากพืชพรรณไม้เขียวชอุ่มไปทั่วทั้งเมือง ทางรัฐบาลยังเอาอกเอาใจสร้างเมืองในสวนเพิ่มขึ้นอีกริมแม่น้ำบริเวณปากอ่าว Marina ภายในมีสวนกระจก , Supertrees ที่ทำแบบสวนแนวตั้ง มากมายหลายต้นยักษ์ใหญ่ เหมือนอยู่ในภาพยนตร์ Avatar อลังการงานสร้างมาก ๆ 

                                จากทางเข้าไปถึงสวนกระจก หากเดินไม่ไหวเขามี Shuttle Service คนละ 2 ดอลล่าร์ นั่งได้ไป-กลับรวม 2 เที่ยว ตั๋วมีอายุ 30 วัน ไม่ต้องเดินให้เมื่อยเหมาะกับคนสูงวัย และถ้าเพลินอยู่จนค่ำ จะได้เห็นไฟประดับสวยงามมาก





















                            นั่ง MRT  ต่อไปลงสถานี  Esplanade exit A  แล้วเดินตามป้ายบอกทางไป ตึก Suntec City   เพื่อชมน้ำพุแห่งความมั่งคั่งโชคดี Fountain of Wealth 






                               น้ำพุนี้จัดเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงถึง 13.8 เมตร ตามความเชื่อของชาวฮินดู และตามหลักฮวงจุ้ยผสมผสานกัน ตั้งอยู่ภายในอาคาร Suntec City ที่สร้างโอบล้อมน้ำพุไว้ เชื่อกันว่า เมื่อเดินวนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ พร้อมกับให้มือขวาแตะโดนน้ำ คำอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผลค่ะ ไม่ลองไม่รู้ แต่ต้องเข้าคิวเป็นรอบ ๆ ค่ะ รอบละประมาณ 10 คน เวลา 9.00-12.00 น.,14.30-18.00 น.,19.00-19.45น. และรอบสุดท้าย  21.30-22.00 น.


เข้าแถวรอชมน้ำพุ





                                  พรุ่งนี้ไปเที่ยว Universal Studio ส่งท้ายค่ะ









วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวสิงคโปร์เองไม่ยาก - II








10 สิงหาคม 2557


                             ทานอาหารเช้าข้าวมันไก่สิงคโปร์อันลือชื่อเสร็จ ออกเดินทางสำรวจเมือง เริ่มจากซื้อตั๋วรถไฟ MRT จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่แสนปลอดภัยไม่มีคนคอยขนาบข้างเหมือนที่ Italy






                          หน้าตาตั๋วรถไฟฟ้าเป็นกระดาษแข็งธรรมดา ๆ แต่สามารถเติมเงินได้กับตู้ขายตั๋วอัตโนมัติภายในสถานีรถไฟ และใช้ได้ 6 ครั้งภายใน 30 วัน วิธีซื้อก็กดเลือกสถานีที่จะไปลง เครื่องจะคำนวณราคา สามารถหยอดได้ทั้งเหรียญและธนบัตร ตั๋วก็จะออกมาพร้อมเงินทอน เราเลือกลงสถานี Raffles Place

                          ออกจากสถานีไปยัง Fullerton Road เดินเลียบไปทางแม่น้ำ ตลอดทางเดินจะเห็นรูปปั้นทำด้วยทองแดงเป็นระยะ อันที่มีชื่อเสียงโด่งดังนิยมถ่ายรูปกัน คือ รูปปั้นคนแห่งแม่น้ำ  ( People of The River ) เป็นกลุ่มเด็ก 5 คนกำลังกระโดดลงเล่นน้ำ 




           


       

                             เดินเรื่อย ๆ มายังด้านหน้าโรงแรม  Fullerton ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม สิ่งที่นักท่องเที่ยวอยากมาเห็นกันมากคือ เจ้าสองแม่ลูก Merlion  นั่นเอง ตั้งอยู่ตรงจุดที่เรียกว่า Merlion Park ตัวแม่หันหน้าพ่นน้ำสู่แม่น้ำ ส่วนตัวลูกหันหน้ารับแขกออกสู่ถนน 





                         Merlion หรือ สิงโตทะเล กำเนิดขึ้นในปี คศ.1964 ใช้เป็นสัญญลักษณ์การท่องเที่ยวของสิงคโปร์ ปัจจุบัน มีอยู่ 5 ตัว แต่ตัวดั้งเดิมและดังที่สุดคือ เจ้าตัวแม่นี่แหละ 

                         บริเวณใกล้กันเหนื่อยพอเดินไหว ให้ข้ามสะพานไปจะพบกับ สถาปัตยกรรมรูปหนามทุเรียน ตึก Esplanade -Theatres by The Bay ใช้แสดงงานศิลปะ ที่นี่มีสาขาของร้านอาหาร No Signboard Seafood ( MRT- Esplanade exit D)




                        ถัดไปอีกหน่อย คือ Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขั้นในปี คศ.2008 สูงเท่ากับตึก 42 ชั้น ใช้เวลา 30 - 45 นาทีต่อรอบ (MRT-Promenade exit A)








                        จบครึ่งวันเช้าด้วย ความทันสมัยที่สุดของสิงคโปร์ Marina Bay Sand ,Sands Skypark หรูหราสวยงามที่หาไม่ได้ในประเทศอื่น จากการถมดินลงไปในทะเล สร้างเป็นโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร กาสิโน ชั้นดาดฟ้าบนสุดยังเป็นสระว่ายน้ำขนาด 150 เมตร ว่ายไปมองวิว 360 องศาไปให้เสียว ๆ บริการนี้สำหรับผู้เข้าพักโรงแรมเท่านั้น (MRT-Bayfront exit D)

                       เติมพลังมื้อเที่ยง ช่วงบ่ายเข้า  Garden by The Bay กัน




วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวสิงคโปร์เองไม่ยาก -I







                       ประเทศสิงคโปร์เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวด้วยตนเองอีกแห่งที่อยากจะแนะนำ นอกจากจะเดินทางสะดวก เพราะใกล้เมืองไทยของเราแค่นั่งเครื่องบินไม่เกิน 2 ชั่วโมง อีกทั้งวีซ่าก็ไม่ต้องขอให้ยุ่งยาก และยังได้เพลิดเพลินกับภาษาต่าง ๆ ประจำชาติของเขา คือ ภาษาจีน อังกฤษ และมาเลย์

                      เคยไปเที่ยวสิงคโปร์นานมาแล้ว 2 ครั้งกับบริการของทัวร์ท่องเที่ยว คราวนี้เก่งกล้าขึ้นจึงศึกษาและเดินทางด้วยตนเองดูบ้าง เริ่มกันที่ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก จองไว้ให้เรียบร้อย คู่มือท่องเที่ยวสิงคโปร์พกติดตัวไปด้วย สุดท้ายแลกเงินสิงคโปร์ดอลล่าร์ ได้ rate ที่ 25.80 บาท/ 1 ดอลล่าร์สิงคโปร์ (แอบแพงไปนิด)

9 สิงหาคม 2557 วันแรกของการเดินทาง

                     ช่วงนี้เป็น long weekend  4 วัน การท่องเที่ยวคึกคัก จึงได้เที่ยวบินการบินไทยที่ 4 โมงเย็น มีอาหารเสิร์ฟ 1 มื้อ ไม่ถูกปากนัก อาจจะเพราะเลือกไม่ดีเอง อะไรที่เป็นเมนูไข่ ๆ จะไม่อร่อยสำหรับเรา แต่อาจถูกใจคนอื่น ๆ  อิ่มท้องไม่นานเครื่องก็พร้อมลงจอดที่สนามบิน  Changi  เวลา 19.40 น.(เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง) สัมผัสอากาศร้อน 27 ํ C 


Kinetic Rain ที่ terminal 1

                      คนเยอะมาก กว่าจะหลุดจาก ตม.มาได้คิวยาวแทบทุกแถว ไปควานหากระเป๋าเดินทางได้แล้ว ก็เดินตามป้ายบอกทางไปต่อคิวขึ้น Taxi เพื่อความสะดวกสบาย หรือใครชอบรวดเร็วและสัมภาระน้อยก็ใช้บริการ MRT แต่ต้องไปขึ้นที่ Terminal 2 , 3 โดยต่อรถ Skytrain จาก Terminal 1 ที่การบินไทยลงจอด

                     Taxi พาเรามายัง Copthorne King's Hotel บนถนน Havelock ใกล้ Singapore River เลือกจาก Booking.com ที่นี่เงียบสงบเป็นธรรมชาติ คนไม่พลุกพล่าน มีสวนสาธารณะหน้าโรงแรม บรรยากาศภายใน Lobby เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปหอมสดชื่นมาก ๆ และยังใกล้ Clarke Quay แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม เสียอย่างเดียวไกลสถานี MRT เกือบ 1 กม.





วิวเมืองจากหน้าต่างโรงแรม
                           
                          พักผ่อนเอาแรงไว้สำรวจเมืองในวันพรุ่งนี้